 หากไปเที่ยวพักผ่อนภายในประเทศช่วงฤดูร้อนนี้
ตัวทำลายผิวหลักๆ ของเมืองร้อนอย่างบ้านเราก็คือ แสงแดด ถ้าต้องมีกิจกรรมกลางแจ้ง
ควรเตรียมเครื่องปกป้องผิวให้เหมาะสม ทั้งสวมหมวก กางร่ม สวมใส่เสื้อผ้าที่ช่วยระบายความร้อน
และควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ตั้งแต่ 30 ขึ้นไป เพื่อปกป้องผิวจากอันตรายของแสงอุลตราไวโอเลต
ป้องกันผิวไหม้เกรียม
ในกรณีที่แดดเผาจนเกิดอาการแสบร้อน
บรรเทาอาการเบื้องต้นด้วยใช้น้ำเย็นประคบเบาๆ ทันทีหลังจากถูกแสงแดด
แล้วทามอยเจอร์ไรเซอร์ หรืออาฟเทอร์ ซัน เจล (After Sun Gel)ที่มีส่วนผสมของอะโลเวร่า
เพื่อช่วยลดการระคายเคืองและคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว จากนั้นฟื้นฟูผิวด้วยทรีตเม้นต์ที่ช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง
 การเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินเอ
วิตามินซี วิตามินอี ที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อาทิ แครอท
ฟักทอง มันฝรั่ง บรอคโคลี่ ผักโขม จะช่วยฟื้นฟูผิวได้เร็วขึ้น
รวมถึงปลาและสัตว์น้ำที่มีเปลือก เช่น ปลาแซลมอน กุ้ง หอยแครง
เพราะปลาส่งผลดีต่อคอลลาเจน ส่วนกุ้งและหอยแครงมีธาตุสังกะสีที่ช่วยรักษาสภาพผิวที่ถูกแดดเผา
และควรดื่มน้ำมากๆ ถ้ามีอาการแพ้ ทั้งอาการคัน
หรือมีผื่นแดง หลังถูกแดดจัด ควรพบแพทย์ผิวหนัง
 นอกจากนี้
อย่าลืมพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และกินอาหารที่มีประ
โยชน์ถูกหลักโภชนาการโดยเฉพาะผักใบเขียว ผักสีเหลือง และผลไม้ต่างๆ
รวมทั้งไม่ควรดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกฮอล์ ซึ่งจะทำให้ผิวสูญเสียน้ำมากขึ้น"
 ส่วนผู้ที่ต้องการเดินทางไปพักผ่อนคลายร้อนไปต่างประเทศ
เช่นการเดินทางไปเมืองหนาว ไม่ควรใช้สบู่ล้างหน้าบ่อยครั้ง
และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นในอุณหภูมิพอเหมาะ ถ้าน้ำร้อนมาก จะทำให้สูญเสียไขมันบนใบหน้าเพิ่มขึ้น
จะทำให้หน้าแห้ง และควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังจากทำความสะอาด
ถ้าอากาศหนาวไม่มาก ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมบางเบา แต่ถ้าอากาศแห้งมากๆ
ต้อง ใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีเนื้อครีมหนาพอสมควร และไม่ควรลืมทาครีมกันแดด
เพราะถึงแม้อากาศจะ หนาว แต่แสงแดดก็มิได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีหิมะตก หิมะจะสะท้อนแสงแดดให้กระทบกับผิวมากยิ่งขึ้น
ในทำนองเดียวกันกับผิวกาย ไม่ควรอาบน้ำที่อุณหภูมิร้อนมากนัก
เพราะจะทำให้ผิวขาดไขมัน และควรทาโลชั่นบำรุงผิวขณะร่างกายหมาดๆ
หลังอาบน้ำด้วย" วิธีง่ายๆ ให้แค่นี้ ก็ให้คุณพักร้อน
เก็บกระเป๋าไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ!!!
|