การใช้ครีมกันแดดอย่างถูกวิธี
 
ผลิตภัณฑ์ป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตกาล เรายังไม่ทราบว่าสภาพแวดล้อมของบรรยากาศจะเป็นอย่างไรต่อไปถึงเวลานั้นเราอาจจะพบว่าผิวหนังของทุก-คน มีมะเร็งผิวหนังเกิดขึ้นเป็นของธรรมดาเหมือนกับการเกิดกระบนใบหน้าของเราในปัจจุบันก็ได้ จากผลของรังสีที่มีอยู่ในบรรยากาศมากกว่าปกติ การเกิดปัญหาผิวพรรณจากแสงแดดดังกล่าวนี้ ใช้เวลาสะสมติดต่อกันเป็นเวลานาน และยิ่งสัมผัสมากเท่าไร ก็เกิดเร็วขึ้นเท่านั้น
การป้องกันอันตรายจากรังสี จึงควรใช้ผลิตภัณฑ์ป้องกันแสงแดด หรือ ครีมกันแดดเสียตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดการสัมผัสของผิวหนังต่อรังสีให้มากที่สุด เพราะเราทราบว่า การเกิดปัญหาผิวพรรณจากแสงแดดนั้น เป็นเรื่องของการสะสมทีละเล็กทีละน้อยเป็นเวลานาน แต่ทั่งนี้ก็ต้องอาศัยครีมกันแดดที่มีคุณภาพสูงมีฤทธิ์ป้องกันรังสีได้จริงๆ
ครีมกันแดดที่มีขายอยู่ในท้องตลาดปัจจุบันมีมากมาย บางชนิดบางยี่ห้อก็ยังมีคุณสมบัติในการป้องกันได้ไม่เพียงพอ การเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพ มีข้อพิจารณาดังต่อไปนี้
1. ใช้ครีมกันแดดประเภทป้องกันรังสีได้เต็มที่ คือ SUNSCREEN หรือ SUNBLOCK ไม่ควรใช้ซันแทน (SUNTAN) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการใช้คนละอย่างกัน กล่าวคือ ในขณะที่ครีมกันแดดชนิด SUNSCREEN ไม่ต้องการให้รังสีเล็ดลอดผ่านครีมลงไปสู่ผิวหนัง แต่ซันแทนจะมีส่วนผสมของสารกันแดดเพียงเล็กน้อย หรือไม่มี เพื่อยอมให้รังสีผ่านลงไปกระตุ้นเซลล์สร้างสีให้ผิวมีสีแทนหรือสีคล้ำขึ้น นั้นคือจุดหมายของซันแทนนั้นเพื่อทาแล้วผิวเข้มโดยไม่เกรียม แต่ SUNSCREEN ที่ดีนั้นต้องไม่ยอมให้รังสีผ่าน หรือผ่านไปได้น้อยที่สุด
2. ใช้ครีมกันแดดดังกล่าวเป็นประจำทุกวันให้เป็นนิสัยหรือความเคยชิน แม้จะไม่ออกไปไหนอยู่แต่ในบ้านก็ตาม เนื่องจากการที่ผิวได้รับรังสีนั้น ไม่จำเป็นจะต้องได้รับต่อเมื่อออกไปสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง แม้อยู่ในที่ร่ม ภายใต้อาคาร ในบ้านและที่ทำงาน ก็ได้รับรังสีซึ่งส่องทะลุกระจกใส และสะท้อนผนังและพื้นที่เรียบเป็นมันได้
3. ใช้ครีมกันแดดก่อน 8.00 น. ในต้อนเช้า เพราะรังสีจะทวีประมาณมากขึ้น ตั้งแต่ 9.00 น. เป็นต้นไป
4. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF ที่เหมาะสม คือปริมาณ 15 ซึ่งค่า SPF ขนาดนี้ จะช่วยป้องกันรังสีได้ทั้งวัน ยิ่งค่า SPF ต่ำ ก็จะป้องกันได้น้อยลงเป็นเงาตามตัว แต่ถ้าใช้ค่า SPF สูงเกิดไป ก็จะเกิดความจำเป็น เนื่องจากตกเย็น รังสีอุลตร้าไวโอเลตจะลดน้อยลง และไม่มีในตอนกลางคืน การใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงๆ เช่น 30 จึงไม่มีประโยชน์ ค่าของการใช้งานเท่ากันกับครีมกันแดด SPF 15 แต่ราคาแพงกว่าโดยใช่เหตุ
5. การทาครีมกันแดด ควรทาก่อนแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง รวมทั้งในผู้ที่มีผิวแห้งที่จำเป็นต้องใช้ MOISTERIZER ก็ควรทาครีมกันแดดก่อนเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อให้สารกันแดดเกาะผิว ถ้าทาหลังเครื่องสำอาง MOISTERIZER จะทำให้ครีมกันแดดอยู่ได้ไม่นานที่จะป้องกันผิวได้ทั้งวัน
6. ถ้าจำเป็นต้องล้างหน้าก่อน 15.00 น. หรือลงว่ายน้ำ ควรทาครีมกันแดดซ้ำอีกครั้ง ในกรณีที่ลงว่ายน้ำในสระนานๆ ควรทาครีมกันแดดก่อนลงสระประมาณ 1 ชั่วโมง เพื่อรอให้ครีมกันแดดเกาะผิวชั้นหนังกำพร้าเสียก่อน มิฉะนั้นสารกันแดด อาจจะละลายไปกับน้ำได้ง่าย
7. ครีมกันแดดไม่ช่วยป้องกันหน้าหมองจากความร้อน ดังนั้นถึงแม้ทาครีมกันแดดก่อนไปเที่ยวทะเล ก็ยังทำให้หน้าหมองจากความร้อน แต่หน้าหมองจากความร้อนเกิดไม่นาน จะหายไปเองได้ใน 3-7 วัน แต่ตรงข้าม ถ้าไม่ทาครีมกันแดดก่อน หน้าจะหมองคล้ำและไหม้เกรียมจากรังสี ซึ่งจะใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะหาย
8. เครื่องสำอางบางชนิดที่ผสมสารกันแดดอาจจะมีคุณสมบัติป้องกันได้ไม่เพียงพอ เช่นแป้ง ครีมรองพื้น ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้สารติตาเนียม ไดออกไซด์ ซึ่งมีคุณสมบัติสะท้อนรังสี และถ้าจะทาให้ได้ผลป้องกันรังสีได้จริงๆ ก็ต้องทาพอกหนามาก ควรใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบสำหรับป้องกันผิว โดยใช้สารเคมีที่มีคุณสมบัติป้องกันได้แน่นนอนจะดีกว่า
9. การเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัย ก็เหมือนกับการเลือกใช้เครื่องสำอางหรือ MOISTERIZER กล่าวคือ ควรเลือกครีมที่ไม่มีส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดสิว โดยเฉพาะน้ำมันบางชนิด เช่น น้ำมันมะพร้าว หรือ สารที่ทำให้เนื้อครีมเนียนละเอียด ซึ่งอาจจะต้องปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยว ชาญว่าสารชนิดใดควรใช้ไม่ควรใช้บ้าง
10. ที่ผิวหน้าควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่ออกแบบสำหรับผิวหน้าโดยเฉพาะ ไม่ควรใช้ครีมกันแดดสำหรับทาตัวมาใช้กับใบหน้าเนื่องจากผิวหน้ามีลักษณะแตกต่างจากผิวกาย เช่น มีต่อมไขมันมาก กว่าและรูขุมขนลึกกว่า ทำให้เป็นสิวได้ง่าย อีกทั้งผิวหน้าก็เป็นส่วนที่มีโอกาสสัมผัสกับสารภายนอกมากกว่า ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบใช้กับผิวหน้าจึงต้องพิถีพิถันมากกว่า
11. ผู้ที่ควรจะต้อง ใช้ครีมกันแดดป้องกันแดดป้องกันผิว ไว้เป็นประจำ คือผู้ที่มีปัญหาเรื่องฝ้า กระ และแพ้แดด ส่วนผู้ที่ปรารถนาจะป้องกันผิวแก่ก่อนวัย และป้องกันริ้วรอยเหี่ยวย่น ก็ควรใช้ครีมกันแดดเสียตั้งแต่เนิ่นๆก่อนอายุ 30 ปี ซึ่งเป็นระยะที่ผิวเริ่มเปลี่ยนแปลงภายใน หรือยิ่งก่อนหน้านั้นมากเท่าไรก็ยิ่งเป็นการดีเท่านั้น
ในปัจจุบัน รังสีจากแสงแดเป็นมหันตภัยที่คนทั่วไปมองไม่เห็น และยังไม่ตระหนักถึงอันตราย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากรังสีนั้น ค่อยเป็นค่อยไป ใช้เวลานาน จนสังเกตไม่เห็น โดยเฉพาะการเกิดมะเร็งผิวหนัง และผิวแก่ก่อนวัย และในอนาคต ผลกระทบจากการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยน้ำมือของมนุษย์เรานี้เอง ก็ยังส่งเสริมให้อันตรายจากรังสีทวีมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น นอกจากการเลือกใช้ครีมกันแดดที่ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงแล้ว การช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติให้ปราศจากมลภาวะก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะร่วมกันสร้างจิตสำนักให้ประชาชนทั่วไปได้ตระหนัก เช่น ลดการตัดไม้ทำลายป่า ช่วยกันปลูกป่าให้ร่มเย็นเพื่อเก็บน้ำและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งจะช่วยลดความร้อนและรังสี ลดการใช้โฟม และสารเคมีที่ปล่อยสาร CFC เพื่อลดการทำลายโอโซน ซึ่งกั้นกรอบรังสีที่จะผ่านมาสู่ผิวโลก ก็ช่วยลดอันตรายต่อผิวพรรณและร่างกายที่เกิดจากรังสีในแสงแดดได้ในอนาคต
สาว ๆ ที่รักผิวสวยฟังทางนี้ Minus Sun มีเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับดูแลผิวมาฝากกัน
  เรื่องของแสงแดด
 
  วิธีเตรียมผิวรับมือกับแสงแดด
 
  ควรใช้ครีมกันแดดตั้งแต่เด็กหรือไม่?